ทีมชาติเบลเยียม ตัวเต็งที่ไม่เคยได้ถ้วยแชมป์?
ทีมชาติเบลเยียม ต้องยอมรับว่าถ้าพูดถึงเบลเยียม ในช่วง 10 ปีหลังมานี่เรียกได้ว่าถือ เป็นยุคทองของฟุตบอลชายเบลเยียมเลยก็ว่าได้ นอกจากเราจะเห็นเบลเยียมเข้ารอบลึกๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลทวีปยุโรป เบลเยียมก็ต้องมีชื่ออยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย จน 4ปี หลังมานี้ทางสมาคมฟีฟ่า ได้จัดอันดับให้เบลเยียม เป็นอันดับ 1 ในranking ของทางสมาคมฟีฟ่ากันเลยทีเดียว
เหล่าลรรดานักเตะก็ถือว่า เป็นที่รู้จักคุ้นหน้าคุ้นตา กันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เดอบรอย อาซาร์ หรือลูคากุ ล้วนเเล้วแต่เป็นนักเตะระดับท็อปของโลกด้วยกันทั้งนั้น
ย้อนกับไปในปี 2000 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปยุโรป หรือยูโรในปีนั้น เบลเยียมเป็นเจ้าภาพร่วมกับเนเธอร์แลน ในปีดังกว่านี้ทัพอัศวินสีส้ม เดินทางไปถึงรอบรองชนะเลิศ ในขณะเดียวกันเบลเยียม ในฐานะเจ้าภาพร่วมมาจอดอยู่ที่รอบแรก และการตกรอบแรกในนามเจ้าภาพในครั้งนี้ทำให้ สมาพันธ์ฟุตบอลของดินแดนแห่งช็อกกาแลต ตัดสินใจปฎิรูปวงการฟุตบอลของประเทศอย่างจริงจัง เรียกได้ว่าถือเป็นวาระแห่งชาติกันเลยทีเดียวเชียว เพื่อที่จะให้ชื่อเสียงของวงการฟุตบอล เบลเยียมกลับมาได้อีกครั้ง โดยการพัฒนาทางด้านของบุคลากรทางด้านการฝึกสอน การเป็นโค้ช ผู้จัดการทีม และพัฒนาด้านของเยาชน ผลักดันให้เด็กที่โดดเด่นได้เล่นข้ามรุ่น เล่นในรุ่นที่สูงขึ้นกว่าอายุ และเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เบซิค แต่กลับได้ผลรับที่ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว
พูดถึงระบบการเล่นของเบลเยียมในยุคนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองติด 1ใน3 ของอันดับฟีฟ่า ranking ได้ตลอดในระยะเวลา 4-5ปีหลังมานี้โดยเบลเยียมในยุคนี้จะใช้แผนการเล่นแบบ 4-3-3 โดยเน้นในเรื่องของเกมรุก สปีดบอลที่รวดเร็ว ความเร็วของผู้เล่น อิสระในการสร้างสรรค์เกม เน้นในสายการดวลเดี่ยว แบบ1-1กระชากหาย ทั้งหทดที่ว่ามานี้ก็เลยทำให้เบลเยียมกลายเป็นทีมที่มีเกมรุกที่ดุดัน ดูสนุกเหมือนเป็นบอลเอ็นตะเทรนผู้ชม และภายในทีมก็คลับคลั่งไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ดังมากมายแทบทุกตำแหน่ง แต่เราจะเห็นว่าในทุกถ้วยการแข่งขันเบลเยียมมักจะไปไม่สุดทาง ไม่เคยได้เถลิงแชมกับเขาสักที ทั้งที่อันดับในการแข่งขันก็เป็นตัวเต็ง อันดับต้นๆของรายการอยู่เสมอมาหลายปี มันก็เลยทำให้มีนักวิเคราะห์ออกมาให้ความเห็นว่า การที่เบลเยียมนั้นมักจะตกรอบหรือตกม้าตายก่อนจะไปถึงถ้วยเเชมป์นั้น อาจจะเป็นเพราะแนวทางการเล่นที่ผู้เล่นทั้งทีมถูกปลูกฝั่งมาตั้งแต่ช่วงยุค 2000 นี่แหละ ฟุตบอลที่เน้นเกมรุก เกมเร็ว บุกตะลุยเดินหน้า มันอาจจะไม่เหมาะสมกับ การแข่งขันแบบโทนาเม้น แน่นอนว่าดูสนุกสนานถ้าเล่นแบบนี้ในบอลลีค เบลเยียมก็ไม่ต่างอะไรกับ บาร์ซ่าหรือบาเยิร์น มิวนิค แต่พอเป็นฟุตบอลโทนาเม้นที่แพ้ตกรอบทันที ทำให้บางทีเกมรุกอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่ทำให้เป็นแชมป์ได้ ดังคำกล่าวที่เคยมีคนในวงการฟุตบอลพูดไว้หลายๆคนว่า “เกมรุกอาจทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชม” แค่คำพูดนี้ก็พอจะอธิบายได้ ว่าทำไมเบลเยียมที่มีผู้เล่น ระดับพรสวรรค์มากมายล้นทีม ถึงยังไปไม่ถึงถ้วยแชมป์ไหนได้เลยสักที บางทีจากความคิดเห็นส่วนตัว เบลเยียมอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อหาสิ่งใหม่ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ตกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนผู้จัดการทีม เพื่อเปลี่ยนแนวทางของทีมดูบาง